Meta เร่งเครื่อง Metaverse และ AI ด้วยแนวคิด Aura
ในงาน Meta Connect 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา Meta ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำภายใต้ชื่อว่า Aura ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยีผสมผสานระหว่าง Metaverse, ปัญญาประดิษฐ์ และโลกความเป็นจริงเสริม (Mixed Reality) โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ RealityOS ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อโลกจริงกับโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ
การเปิดตัว Aura และ RealityOS ครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Meta ต้องการครองพื้นที่ Metaverse และ XR (Extended Reality) อีกครั้ง หลังจากช่วงปีที่ผ่านมาเน้นพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐาน AR/VR อย่างหนัก
Aura คืออะไร? ความลื่นไหลระหว่างโลกจริงและดิจิทัล
Aura เป็นแพลตฟอร์มที่ Meta ออกแบบมาเพื่อสร้างโลกผสม (Hybrid World) โดยใช้ Spatial AI ร่วมกับเทคโนโลยี Mixed Reality และแว่น Meta Quest รุ่นใหม่ ซึ่งมีความสามารถดังนี้:

ฟีเจอร์เด่นของ Aura
- Reality Zones: พื้นที่เสมือนที่แทรกซึมอยู่ในโลกจริง เช่น ห้องทำงานดิจิทัล ร้านค้าเสมือน สวนสมาธิใน AR
- Personal AI Avatar: ผู้ช่วยเสมือนที่จำลองบุคลิกของผู้ใช้ สามารถเข้าใจอารมณ์และสื่อสารด้วยเสียง/ภาพได้
- Multi-World Interaction: สื่อสารและทำงานข้ามโลก เช่น ประชุมผ่าน Holographic Call หรือช้อปปิ้งแบบ Immersive
- Aura Cast: เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถส่งภาพ เสียง และสื่อ XR ไปยังอุปกรณ์รอบข้างแบบเรียลไทม์
Meta ระบุว่า Aura ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ทั้งในอุปกรณ์ของ Meta เองและ Ecosystem อื่น เช่น iOS, Android, และแม้แต่ Apple Vision Pro

RealityOS: ระบบปฏิบัติการแห่ง Metaverse
RealityOS คือระบบปฏิบัติการที่ Meta พัฒนาขึ้นมาใหม่จากพื้นฐานของ Android XR โดยเน้นการทำงานร่วมกับ Spatial Computing, Neural Interface และ AI
ความสามารถของ RealityOS
- รองรับ Quest OS App เดิมทั้งหมด
- มี Reality App Store สำหรับแอป XR โดยเฉพาะ
- สนับสนุน AI Plugins ให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความสามารถให้ Avatar ได้แบบ custom
- รองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องสแกนสมองและกล้องติดตา (Eye Tracking + Brain-Computer Interface)
RealityOS จะถูกติดตั้งในอุปกรณ์ใหม่ของ Meta เช่น Meta Quest 4, Meta Glasses 2 และ Surface+ ที่เป็นหน้าจอโปร่งใสรุ่นแรกของบริษัท

การประยุกต์ใช้งานจริง: จากการทำงานสู่ไลฟ์สไตล์
ธุรกิจ:
- องค์กรสามารถสร้างออฟฟิศเสมือนจริงที่ทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้
- ระบบประชุมแบบ HoloBoard รองรับ 3D Whiteboard และ AI Summarizer
ไลฟ์สไตล์:
- ฟีเจอร์ “Memory Lane” ที่สามารถจำลองช่วงเวลาในอดีต เช่น งานวันเกิด ด้วยภาพ AR แบบรอบตัว
- Aura Assistant สามารถจำเสียงของคนในครอบครัวและแนะนำกิจกรรมตามบริบทครอบครัว
การศึกษา:
- นักเรียนสามารถเข้าชั้นเรียนเสมือนจริงจากที่บ้าน พร้อมระบบโต้ตอบกับครู AI
- สนับสนุนการเรียนแบบ Field Simulation เช่น เดินในป่าแอมะซอน หรือเข้าสำรวจดาวอังคารใน XR
วิเคราะห์: Meta กลับมาพร้อมวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
Aura และ RealityOS ถือเป็นการพลิกเกมของ Meta เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในโลก XR และ Metaverse หลังจากที่ Apple Vision Pro และ Google XR ทำให้ตลาดแข่งขันรุนแรงขึ้น
จุดแข็ง:
- Ecosystem เปิดกว้างกว่าคู่แข่ง (ไม่ล็อกไว้แค่ Meta)
- ความสามารถด้าน AI ที่ผสานการเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้
- RealityOS มีแนวโน้มกลายเป็น Android ของโลก XR
ความท้าทาย:
- ความพร้อมของฮาร์ดแวร์ในตลาดเกิดใหม่
- ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะฟีเจอร์ Avatar จำลองผู้ใช้
สรุป
Meta ส่งสัญญาณชัดเจนว่ายุค XR และ Metaverse ยังไม่ตาย แต่กำลังฟื้นตัวด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ลึกซึ้งและเข้าถึงง่ายขึ้น
ด้วย Aura และ RealityOS Meta ไม่ได้แค่สร้างโลกเสมือน แต่กำลังสร้าง “พื้นที่ร่วมระหว่างโลกจริงกับจินตนาการ” ที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในอนาคตอันใกล้